ยกเครื่องปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ รีแบรนด์ดิ้งพร้อมกัน 70 ประเทศทั่วโลก ยกระดับน้ำผลไม้สู่ “ไบโอแอคทีฟ เบฟเวอร์เรจ” เจาะคนรุ่นใหม่หวังชวนร่วมธุรกิจเพิ่มขึ้น ปรับผลตอบแทนดึงดูดใจกว่าเดิม คาดปั้มยอดขายสิ้นปีโต 200%
มร.จอห์น วาดส์เวิร์ธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตาฮิเตียน โนนิ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผย ภายในงานสัมมนา ICP Recap Meeting “Time to Shine, Thailand” ว่า ตาฮิเตียน โนนิ เคยเป็นประสบความสำเร็จในการเป็นผู้เริ่มสร้างตลาดซุปเปอร์ฟรุ๊ตเมื่อ 15 ปีก่อน ภายใต้งบประมาณในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต่อมาได้มี คู่แข่งที่เข้ามาทำตลาดนี้เพิ่มขึ้น บริษัทจึงต้องสร้างตลาดใหม่ โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสูตรผลิตภัณฑ์ และเพิ่มการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ให้สูงขึ้น สู่ตลาดแบบไบโอแอ็คทีฟ พร้อมทั้งได้มีการชูในเรื่องของอะแด็บโตรจิ้น ที่เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ
โดยขณะนี้บริษัทกำลังจะออกจากเรด โอเชี่ยลมาสู่บลูโอเชี่ยน เพราะไม่ได้อยู่ในธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าแต่อยู่กับคน ธุรกิจของโนนิ คือการเปลี่ยนชีวิตคน มีสินค้า มีโอกาสธุรกิจ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงการวางตำแหน่งสินค้าใหม่ โดยทำเครื่องดื่มที่เป็นสารชีวภาพ จากอดีตที่เรียกว่าน้ำผลไม้ ต่อไปเรียกว่า ไบโอแอคทีฟ เบฟเวอร์เรจ
ส่วนทางด้าน มร.ปีเตอร์ วิลเด็น ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ตาฮิเตียน โนนิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวถึงเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาวไว้ว่า โดยในระยะสั้นบริษัทต้องการให้ผู้บริโภคได้รู้จักตลาดสินค้าใหม่เครื่องดื่ม ไบโอแอคทีฟ สำหรับในระยะยาวนั้นต้องการให้ทุกครอบครัวมีสินค้าโฉมใหม่ของโนนิทุกครัว เรือน และสิ่งที่เราจะต้องเดินหน้าต่อไปนั่นคือการนำเสนอสินค้าที่เป็นนวัตกรรม ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ตนเองมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพ จึงได้ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศไทย โดยเชื่อว่าตลาดไทยนั้นเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปัจจุบันตลาดในเอเชียที่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จในอันดับต้นๆ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และไต้หวัน แต่เชื่อมั่นว่าภายใน 3 ปีตลาดในประเทศไทยจะแข็งแกร่งได้เช่นกัน
นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสาขาไทย ทางบริษัทแม่ได้มีการแต่งตั้งให้นายสุรยศ กาญจนาภา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ตาฮิเตียน โนนิ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ดำรงตำแหน่งใหม่นั่งแท่นเป็นกรรมการผู้จัดการ และแต่งตั้งให้นางวิภารัตน์ รัตนพรหมมา ขึ้นเป็นผู้จัดการประจำประเทศไทย ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากผลงานในปี 2552 ที่ผ่านมา แม้ตาฮิเตียน โนนิประเทศไทยเจอกับปัญหาการขายตัดราคาทำให้ยอดขายลดลง 50% แต่ในช่วงครึ่งปีหลังกลับสามารถพลิกทำยอดขายเพิ่มขึ้น 70%
อย่างไรก็ดีในปีนี้เป็นปีที่ตาฮิเตียน โนนิ ครบรอบ 10 ปีในประเทศไทย จึงได้มีการปรับเพิ่มผลการจ่ายผลตอบแทนให้กับสมาชิกนักธุรกิจ ซึ่งจากเดิมที่บริษัทจ่ายให้กับนักธุรกิจประมาณ 53% ได้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก โดยบริษัทได้มีการเริ่มใช้แผนการจ่ายผลตอบแทนและโบนัสใหม่ ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พร้อมกันทั้ง 70 ประเทศทั่วโลก รวมถึงการปรับเปลี่ยนโลโก้ให้มีความทันสมัย เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น ไปจนถึงแพ็คเกจจิ้งสินค้าใหม่ให้มีสีสันสดใส ใช้วัตถุดิบที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้มีการปรับเปลี่ยนราคาสินค้าลดลงประมาณ 30% ให้มีราคาที่ย่อมเยามากขึ้นด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มต้นใช้ราคาใหม่ในต้นเดือนเมษายนนี้ สำหรับราคาสินค้าจากเดิมที่ราคาสมาชิก 4 ขวด อยู่ที่ 6,000 บาท ราคาใหม่ลดลงเหลือ 5,300 บาท และบริษัทยังได้มีการปรับเพิ่มรูปแบบใหม่ ชนิดกล่องที่บรรจุอยู่ที่ 4 ลิตร ราคา 5,000 บาท รวมถึงแบบแฟมมิลี่ ราคาสมาชิกเดิม 750 ml. 1,500 บาทลดเหลือ 650 บาท ซึ่งในแบบแฟมมิลี่เซ็ตยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย แต่อยู่ในช่วงของการดำเนินขออนุญาตกับทางอย. ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำมาจำหน่ายได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ และตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีจะสามารถ ทำยอดขายรวมเติบโตได้ถึง 200
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 177 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 เมษายน 2553
